รอยดำ รอยแดงตามแขน-ขานั้น อาจเป็นผลมาจากการที่ผิวหนังเกิดอาการอักเสบ ระคายเคือง หลังจากโดนยุงหรือแมลงกัดต่อย ซึ่งส่งผลให้เซลล์เม็ดสีทำงานมากขึ้น และสะสมมากบริเวณที่ผิวหนังอักเสบจนเห็นเป็นสีดำคล้ำได้ ดังนั้น จะเห็นได้ว่ารอยดำจากยุงกัด มดกัด หรือรอยแมลงกัดต่อยเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตามปกติ และอาจเป็นมากขึ้นหากผิวหนังมีอาการแพ้ และระคายเคืองรุนแรงมากขึ้นเช่นกัน
วิธีป้องกันและดูแลผิวไม่ให้เกิดรอยแผลเป็นจากแมลงกัดต่อย
หากเกิดรอยดำจากยุงหรือแมลงกัดต่อย จะมีวิธีรักษาหรือไม่?
รอยดำ รอยแดงหรือแผลจากแมลงกัดต่อยนั้น สามารถหายได้เองแต่อาจใช้เวลานาน แต่หากต้องการให้รอยเหล่านี้หายเร็วหรือจางเร็วขึ้น อาจเลือกใช้วิธีรักษารอยดำเหล่านี้ได้
- ปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษา โดยแพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาที่มีส่วนประกอบของสารที่สามารถช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานินซึ่งเป็นต้นเหตุของจุดด่างดำบนผิว
- การรักษารอยดำด้วยเลเซอร์ สามารถช่วยให้รอยดำจางลงได้อย่างรวดเร็ว
- การใช้เวชสำอางที่มีส่วนผสมช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน และส่วนผสมที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสแต้มบริเวณที่เป็นรอยดำเป็นประจำ
เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาแพทย์
ควรไปพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาและรับการรักษาอย่างเหมาะสม หากมีอาการดังต่อไปนี้หลังเกิดแผลมดกัด ยุงกัด หรือแมลงกัดต่อย
- เมื่อมีไข้ อ่อนเพลีย หรือมีอาการแพ้ เป็นผื่นคัน บวม หรือหายใจลำบากหลังถูกยุงหรือแมลงกัดต่อย
- รอยดำมีขนาดใหญ่ขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
- รอยดำมีสีเข้มขึ้น หรือคงอยู่เป็นเวลานานมากกว่า 6 เดือน
- รอยดำไม่จางลงแม้จะทายาหรือเวชสำอางรักษารอยดำแล้ว
- รอยดำมีอาการคัน ระคายเคือง เจ็บปวด บวม หรือแดงร่วมด้วย
จะเห็นได้ว่า รอยดำที่เกิดหลังจากถูกยุงหรือแมลงกัดต่อย จะเกิดจากการทำงานตามธรรมชาติในร่างกายของเรา และไม่ได้เป็นอันตราย โดยสามารถรักษารอยดำนั้นให้จางลงด้วยวิธีต่าง ๆ ได้ อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันรอยดำเหล่านี้ก็คือ การป้องกันไม่ให้โดนแมลงกัดต่อย โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย เพราะอาจเสี่ยงกับการอักเสบ ระคายเคือง จากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมช่วยลดการระคายเคืองที่ผิวอีกด้วย
ข้อมูลอ้างอิง:
How to Treat Mosquito Bites to Prevent Scarring. สืบค้นเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2567 จาก https://www.healthline.com/health/how-to-treat-mosquito-bites-to-prevent-scarring